
ก่อนหน้าที่จะมี “ภาพถ่าย” เกิดขึ้นในศตวรรษที่ 19 มีกล้องประเภทต่างๆ ที่ทำหน้าที่ฉายภาพออกมา เช่น กล้องรูเข็ม camera obscura และ camera lucida ซึ่งภาพที่ได้จากกล้องเหล่านี้เป็นเพียงภาพที่ฉายออกมาเท่านั้น
Daguerreotype
Louis Daguerre จิตรกรและศิลปินภาพพิมพ์ได้เริ่มต้นมาค้นหาวิธีที่จะจับภาพที่เขาเห็นจากกล้องคาเมร่า ออบสคูร่าให้อยู่ในรูปของวัตถุที่จับต้องได้ ในปี 1829 เขาเข้าร่วมเป็นหุ้นส่วนกับ Nicéphore Niépce เพื่อหาทางสร้างภาพที่คงทนถาวรโดยใช้แสงและกระบวนการทางเคมี ดาแกร์ได้สร้างนวัตกรรมใหม่เกี่ยวกับภาพขึ้นมาอย่างหนึ่งเรียกว่า daguerreotype ในปี 1839
Daguerreotype
Louis Daguerre จิตรกรและศิลปินภาพพิมพ์ได้เริ่มต้นมาค้นหาวิธีที่จะจับภาพที่เขาเห็นจากกล้องคาเมร่า ออบสคูร่าให้อยู่ในรูปของวัตถุที่จับต้องได้ ในปี 1829 เขาเข้าร่วมเป็นหุ้นส่วนกับ Nicéphore Niépce เพื่อหาทางสร้างภาพที่คงทนถาวรโดยใช้แสงและกระบวนการทางเคมี ดาแกร์ได้สร้างนวัตกรรมใหม่เกี่ยวกับภาพขึ้นมาอย่างหนึ่งเรียกว่า daguerreotype ในปี 1839
ดาแกร์ประกาศผลการค้นคว้าต่อ Académie des Sciences และ Académie des Beaux-Arts รัฐบาลฝรั่งเศสซื้อลิขสิทธิ์จากดาแกร์ และได้ประกาศให้กระบวนการสร้างดาแกร์โรไทพ์เป็นของสาธารณะ ผู้ใดจะนำไปใช้ก็ได้โดยไม่ต้องเสียค่าลิขสิทธิ์ ทำให้เกิดสตูดิโอถ่ายภาพดาแกร์โรไทป์จำนวนมาก โดยกลุ่มลูกค้าเป็นชนชั้นกลางที่มาถ่าย "ภาพเหมือน" (portrait)
ในขณะที่พอร์เทรทเป็นหัวข้อที่นิยมมากของช่างภาพดาแกร์โรไทป์ ศิลปิน นักวิทยาศาสตร์ นักเดินทางและนักโบราณคดีก็ใช้ดาแกร์โรไทป์ในการทำงานเช่นกัน จิตรกรบางคนใช้ดาแกร์โรไทป์ช่วยในการเขียนแบบ ส่วนนักวิทยาศาสตร์ก็เล็งเห็นศักยภาพของสื่อใหม่นี้ พวกเขาติดกล้องเข้ากับกล้องเทเลสโคปและไมโครสโคปเพื่อบันทึกภาพสิ่งที่เขาส่องดู นักเดินทางก็บันทึกภาพดินแดนที่ห่างไกลกลับมาให้ชาวปารีสได้มีโอกาสเห็น
ดาแกร์โรไทป์เสื่อมความนิยมลงไปใน 1850s จากการเข้ามาของภาพถ่ายที่อัดลงบนแผ่นกระดาษ (paper photograph) และภายใน 1860s ภาพถ่ายก็เป็นที่นิยมจนการผลิตขึ้นถึงระดับอุตสาหกรรม มีการแปรรูปออกไปเป็นโปรดัครูปแบบต่างๆ เช่น อัลบั้ม, การ์ดที่ระลึกที่มี 8 โพสต์ เป็นต้น
ข้อสังเกตบางประการเกี่ยวกับดาแกร์โรไทป์และภาพถ่าย
1. นวัตกรรมกรรมใหม่ของการสร้างภาพ (image) ที่มีลักษณะเป็นทั้งศิลปะและวิทยาศาสตร์ (ด้วยกระบวนการทางเคมี) น่าสังเกตว่า ดาแกร์ไม่ได้ประกาศผลการค้นคว้าของเขาต่อโลกศิลปะเท่านั้น แต่ต่อโลกวิทยาศาสตร์ด้วย
2. ภาพเหมือนกลายเป็นสิ่งที่ใครๆ ก็สามารถมีได้ ไม่เหมือนสมัยก่อนที่มีแต่ชนชั้นสูงเท่านั้นที่สามารถไปจ้างจิตรกรมาเขียนภาพเหมือนของจนได้
3. ประเด็นความเหมือน (likeness) แบบที่ภาพถ่ายเสนอทำให้เกิดการนิยมในสื่อชนิดใหม่นี้ต่อประเด็น "ความจริง" ในงานศิลปะ / ภาพถ่าย
ภาพประกอบ
André-Adolphe-Eugène Disdéri, Prince Lobkowitz, 1858, Albumen silver print from glass negative