ชื่อรายงาน: บทบาทเรื่องเพศ (Gender) ในภาพเขียน “The Oath of Horatii,1784” โดย Jacques-Louis David จิตรกรแนว Neo-Classicism ในฝรั่งเศส
Topic : ศิลปะแบบ Neo-Classicism ในฝรั่งเศสในช่วงปฏิวัตินั้น เน้นในเรื่องของปรัชญาความดีงามร่วมกับแนวความคิดในเรื่องชาตินิยม ซึ่งถือเป็นการให้คุณค่าเรื่องความดีในสมัยนั้น ที่เกี่ยวกับความรักชาติ(Patriotism) และความดี(Virtue) ในการสร้างอุดมคติว่าควรเสียสละเพื่อชาติ และเห็นแก่ประโยชน์ส่วนรวมมากกว่าส่วนตัว หมายถึงให้ความสำคัญแก่ประชาชนที่เป็นพลเมืองส่วนใหญ่ของประเทศ มากกว่าพวกชนชั้นปกครองที่เป็นชนส่วนน้อย
ศิลปินกลุ่ม Neo-Classicism จึงตอบสนองต่อการสร้างอุดมคติแบบนี้ จึงใช้ศิลปะที่มีต้นแบบที่มีเรื่องราวในด้านเนื้อหาและฉาก Classic ซึ่งก็คือ Roman เนื่องจากจักรวรรดิโรมันนั้นปกครองด้วยระบอบสาธารณรัฐมาตีความใหม่ ในด้านรูปแบบศิลปกรรมเน้นด้านองค์ประกอบและรูปแบบการเน้นในกายวิภาคที่สมจริงรวมถึงการให้ความสำคัญกับเส้นรอบนอก(Out Line) เพื่อแสดงความเป็นอุดมคติแบบ Greek- Roman Art ที่มีหลักเกณฑ์ที่ถือเป็นแนวการสร้างศิลปกรรมคือ ความสูงส่งสง่างาม(Noble),ความเรียบง่าย(Simplicity) และไม่แสดงอารมณ์ความรู้สึก(Calm grandeur) อันหมายถึงการให้ค่าของเหตุและผลมากกว่าอารมณ์ความรู้สึก
ซึ่งศิลปินกลุ่ม Neo-Classicism ที่มีอิทธิพลและชื่อเสียงมากในฝรั่งเศสในช่วงปฏิวัตินั้นได้แก่ Jacques- Louis David ที่มีงานศิลปกรรมที่เสนอภาพความเป็นอุดมคติแบบ Greek และ Roman ที่มีเนื้อหาในการสร้างอุดมคติเกี่ยวกับในการเสียสละตนเองเพื่อส่วนรวม แต่ในขณะเดียวกันนั้นการสร้างอุดมคติเกี่ยวกับความเสียสละเพื่อส่วนรวมโดยใช้รูปแบบ Neo-Classicism ของ Jacques- Louis David ก็ได้มีแนวความคิดเรื่อง Gender เกี่ยวกับบทบาทเรื่องเพศชายเป็นใหญ่ ในตัวอย่างของภาพเขียน “The Oath of Horatii,1784” ที่แสดงถึงการที่เพศชายต้องไม่แสดงอารมณ์ความรู้สึกหรือแสดงความรู้สึกแบบข่มอารมณ์เพื่อเห็นแก่ประโยชน์ของชาติ มากกว่าเรื่องส่วนตัวและความรู้สึกของตนเอง แสดงให้เห็นว่าเพศชายนั้นมีความเป็นเหตุผลมากกว่าอารมณ์ ในขณะที่เพศหญิงนั้นมีการแสดงความเศร้าโศกเสียใจ แสดงอารมณ์ส่วนตัวออกมา
Main Research Question:
การแสดงความรู้สึกที่แตกต่างกันของภาพของชายและหญิงใน “The Oath of Horatii,1784” สะท้อนสภาพสังคมของโรมันที่ชายเป็นใหญ่ ซึ่งเป็นแนวคิดในเรื่องคู่ตรงกันข้ามที่มองว่าสามารถรับรู้ถึงสิ่งหนึ่งได้โดยการเปรียบเทียบอีกสิ่งหนึ่ง แนวคิดดังกล่าวก่อให้เกิดความสูงต่ำทางลำดับชั้น ทำให้มีฝ่ายหนึ่งที่ต้องมีสถานะต่ำกว่าอีกฝ่ายหนึ่ง ซึ่งเป็นการผูกติดกับเรื่องความสัมพันธ์เชิงอำนาจ ที่มีฝ่ายที่มีอำนาจเหนือกว่าสร้างข้อกำหนดบังคับต่ออีกฝ่ายในด้านบทบาทหน้าที่ภายใต้โครงสร้างทางสังคมโดยผ่านระเบียบกฎเกณฑ์ทางสังคมวัฒนธรรม
รายชื่อบรรณานุกรม :
กำจร สุนพงษ์ศรี. ประวัติศาสตร์ศิลปะตะวันตก : ศิลปกรรมในคริสตศตวรรษที่ 18-19 : ศิลปะโรโกโก, นีโอคลาสสิกอิสม์ และเรียลลิสม์.กรุงเทพฯ : ภาควิชาศิลปศึกษา จุฬาลงกรณ์
มหาวิทยาลัย, 2532
จารุพรรณ ทรัพย์ปรุง.ประวัติศาสตร์ศิลป์ตะวันตก.กรุงเทพฯ : มหาวิทยาลัยราชภัฎสวนสุนันทา,
2548.
P.W.K. Stone . The art of poetry 1750-1820 : theories of poetic compositiion and style in the
late Neo-Classic and early Romantic periods . London : Routledge and Kegan Paul,
c1967
Luc de Nanteuil , Jacques-Louis David .New York : H.N. Abrams, 1990
Robert Rosenblum .19th-century art / painting; sculpture. H.W. Janson New York : Harry N.
Abrams, 1984
-----------------------------------------------------------------------------------------------
ชื่อรายงาน: วิเคราะห์ผลงานของศิลปิน Impressionist ที่ได้รับผลกระทบของสังคมและการเมือง
หัวข้อรายงาน : ทุกสิ่งบนโลกล้วนมีที่มา งานศิลปะก็เป็นอีกสิ่งที่หากขาดแรงบันดาลใจในการสรรค์สร้าง ก็ไม่สามารถเกิดเป็นงานที่มีความหมายลึกซึ้งได้ ดังนั้นสิ่งที่อยากจะค้นคว้าและนำเสนอในรายงานฉบับนี้จึงเกี่ยวกับผลงานของศิลปิน Impressionist ที่มีความหมายแฝงไปถึงผลกระทบของเหตุการณ์ทางสังคมในอดีต ซึ่งเกิดเหตุการณ์สำคัญต่างๆ มากมายในแต่ละสมัย เช่น การปฏิวัติทางการเมือง การทำสงคราม การเรียกร้องสิทธิและเสรีภาพของประชาชน และอีกหลายๆเหตุการณ์ ที่มีอิทธิพลต่อผลงานของศิลปิน และอาจจะสามารถเข้าใจถึงความรู้สึกของประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์เหล่านี้อีกด้วย
Main research question: อยากทราบถึงผลกระทบต่างๆของเหตุการณ์ที่ถูกแฝงไว้ในงานศิลปะของเหล่าศิลปิน
บรรณานุกรม:
เอกสารประกอบการเรียน French Impressionist ศิลปินอิมเพรชชั่นนิสต์ในฝรั่งเศส
เรียบเรียงโดย ดร.จิตติมา อมรพิเชษฐ์กูล
The post impressionist โกแกง : ริ้วลายแห่งรักและเสรีภาพ เรียบเรียงโดย กิติมา อมรทัต
The post impressionist เรอนัวร์ : ลีลาชีวิตอันรื่นรมย์ เรียบเรียงโดย กิติมา อมรทัต
The post impressionist ปิซาร์โร : งดงามในความเป็นไป เรียบเรียงโดย กิติมา อมรทัต
The post impressionist โมเนต์ : พราวพร่างกลางแสงตะวัน เรียบเรียงโดย สุรพงษ์ บุนนาค
------------------------------------------------------------------------------------------------
ชื่อรายงาน : Fashion in 19th
หัวข้อรายงาน : fashion ในยุค 19th ที่ทุกคนนึกถึงคือ แนว Victorien Style แล้วความเป็น Victorien Style มันมาจากแนวคิดสิ่งใด แล้วทำไมสไตล์งานถึงได้รับความนิยมและมีลักษณะเฉพาะตัว แนวคิด โรแมนติค ได้เข้ามามีบทบาทแล้วส่งผลต่อ Victorien Style ในรูปแบบใดบ้างแล้วดีไซเนอร์ในยุคนั้นมีใครบ้าง และในปัจจุบันมีวงการแฟชั่นทีไหนบ้างที่ยังคงรักษาความเป็น Victorien Style ไว้
Main research question : ความเป็น Victorien Style ใน ยุค 19th มันคือสิ่งใด แนวคิดจากไหน ส่งผลต่อยุคต่อมาอย่างไร?
บรรณานุกรม
-19 th Century Fashion], Accessed 2 August 2009, , Available http://www.angelfire.com/ar3/townevictorian/victorianfashion.html
- Blum, Stella. VICTORIAN FASHIONS AND COSTUMES FORM HARPER’S BAZAR 1867-1898. New York: Dover Publications, 1974.
- Blum, Stella. Paris fashions of the 1890s. New York: Dover Publications, 1984.
------------------------------------------------------------------------------------------------
ชื่อรายงาน : การวาดภาพแนวคริสต์ศาสนาตาม new testament และสัญลักษณ์ คริสต์ศิลป์ ในยุค19th
หัวข้อรายงาน : ช่วงยุคก่อน19thภาพแนวคริสต์ศิลป์เป็นที่นิยมวาดเป็นจำนวนมาก แล้วทำไมกันเหล่าช่วงยุค19thศิลปินจึงไม่นิยมวาดภาพคริสต์ศิลป์อีกต่อไป แล้วภาพที่ออกมาในแนวดังกล่าวจะเป็นเช่นไร ระบบภาพที่วาดออกมาไม่ว่าจะเป็นสัญลักษณ์หรือรูปแบบเดิมยังคงใช้ต่อเนื่องมาถึงยุค19thหรือไม จะกล่าวถึงภาพที่ศิลปินในยุคดังกล่าวนำมาวาดและเปรียบเทียบกับรุ่นก่อนหน้านี้ในภาพเดียวกัน
Main research question : ทำไมในยุค19thถึงไม่นิยมวาดภาพแนวคริสต์ศาสนาและภาพคริสต์ศาสนาในยุค19thมีลักษณะเป็นเช่นไร
บรรณานุกรม
- วีรวรรณ มณี, จิตรกรยุโรปในศตวรรษที่19 (กรุงเทพมหานคร: ไทยวัฒนาพานิช, 2528)
- กุลวดี มกราภิรมย์, เครื่องหมายและสัญลักษณ์ในคริสตศิลป์ (กรุงเทพมหานคร: อมรินทร์, 2549)
- พระคริสตธรรมใหม่ The books of the new testament
- วีรวรรณ มณี, ภาพทิวทัศน์ในจิตรกรรมตะวันตก (ภาควิชาประวัติศาสตร์ศิลปะ คณะโบราณคดี มหาวิทยาลัยศิลปากร พ.ศ.2538)
- เจษฎา ทองรุ่งโรจน์, ราฟาเอลปัจฉิมบทแห่งสมัยฟื้นฟูศิลปวิทยา (กรุงเทพมหานคร:สุขภาพใจ,2549)
-----------------------------------------------------------------------------------------------
ความนิยมที่กลับด้านระหว่างภาพวาดเหมือนตัวบุคคล (portrait) และภาพถ่าย
Topic : ในสมัยก่อนนั้นการจะมีภาพที่เสมือนตัวจริงหรือภาพเหมือน (portrait) นั้นจะต้องเป็นการวาดมาจากปลายภู่กันลงบนแผ่นกระดาษและต้องอาศัยทักษะทางศิลปะที่เชี่ยวชาญในการวาดภาพเหมือนบุคคล ซึ่งแน่นอนว่าการจะมีภาพเหมือนก็ต้องอาศัยเงินที่สูงด้วยเช่นกันเพราะฉะนั้นก่อนสมัยศตวรรษที่ 19 ก็จะมีแต่พวกชนชั้นสูงที่มีกำลังทรัพย์พอที่จะจ้างศิลปินเพื่อวาดภาพเหมือนตามที่ตนต้องการ แต่พอมาในศตวรรษที่ 19 ในปี 1839 ก็ได้เกิดนวัตกรรมใหม่เกี่ยวกับศิลปะ นั้นก็คือ Daguerreotype โดย Louis Daguerre ซึ่งเป็นการทำให้ภาพเหมือนจริงปรากฏขึ้นบนแผ่นทองแดงที่ชุบเงินเอาไว้ และต่อมาก็ได้ขายลิขสิทธิ์ให้แก่รัฐบาลฝรั่งเศส และรัฐบาลฝรั่งเศสก็ได้เผยแพร่นวัตกรรมนี้แก่ประชาชนผู้สนใจฟรีโดยไม่เสียค่าลิขสิทธิ์ใด ๆ จึงให้ทำให้เป็นที่นิยมมากเพิ่มขึ้น ไม่เพียงแต่ชนชั้นสูงเท่านั้นที่จะมีภาพเหมือนได้อย่างเดียว ทำให้ชนชั้นกลางก็มีสิทธิ์ด้วยเช่นกัน และต่อมาถึงในศตวรรษที่ 20 ก็ได้เกิด Photo Realism ขึ้น คือการย้อนกลับไปใช้การวาดภาพพู่กันระบายสีเพื่อให้เหมือนกับภาพถ่ายมากที่สุดทั้งด้านแสงเงาและสัดส่วนต่าง ๆ ซึ่งเป็นการย้อนสลับสับเปลี่ยนความนิยมระหว่างภาพถ่ายและภาพวาด
Main question : ความนิยมของภาพเหมือน (portrait) ในยุคศตวรรษที่ 19 ก่อนการเกิดนวัตกรรม Daguerreotype ผู้คนชนชั้นสูงเท่านั้นที่มักจะมีภาพเหมือนของตน จนภายหลังเกิด Daguerreotype เกิดและกลายมาเป็นภาพถ่ายที่อัดลงบนกระดาษแทนแผ่นทองแดง ทำให้ชนชั้นกลางหรือบุคคลทั่วไปได้มีภาพเหมือนของตนจนกลายเป็นที่แพร่หลายทั่วไป จนต่อนั้นก็เกิด Photo Realism คือการเกิดการภาพวาดที่เลียนแบบภาพถ่ายให้เหมือนที่สุด จนมาถึงปัจจุบันก็มีการรับจ้างวาดภาพจากภาพถ่ายให้เหมือนที่สุดด้วยเช่นกันจะมีให้เห็นตัวอย่างที่ชัดเจน เช่น แถวมาบุญครองชั้นล่าง เป็นต้น คือเกิดการกลับกลายของความนิยมที่เปลี่ยนไปตามยุคสมัย ทำไมถึงเป็นเช่นนั้น???
บรรณานุกรม :
ศุภชัย สิงห์ยะบุศย์, “ประวัติศาสตร์ศิลปะตะวันตก ฉบับสมบูรณ์”, ( กรุงเทพฯ : วาดศิลป์ 2547)
Meisel, Louis K , “Photo-Realism” ( New York: Harry N. Abrams, c1980)
http://en.wikipedia.org/wiki/Photorealism
http://en.wikipedia.org/wiki/Daguerreotype
------------------------------------------------------------------------------------------------
หัวข้อ : Romantism : Movement and Art in Spain
ประเด็นและความสำคัญของปัญหา
ลัทธิและแนวคิดแบบจินตนิยม(Romantism)ได้เริ่มก่อตัวขึ้นในตอนต้นศตวรรษที่ 19 และได้แผ่ขยายไปทั่วยุโรป ซึ่งมีผลอย่างมากต่อความคิดของนักคิด นักเขียน ศิลปิน รวมทั้งเหล่าปัญญาชน อย่างไรก็ตามแม้แนวทางจินตนิยมนี้จะมีความเป็นสากลร่วมกันบางประการ แต่โดยส่วนใหญ่ได้แตกต่างกันไปตามสภาพสังคม สิ่งแวดล้อม และวัฒนธรรมของแต่ละดินแดน ที่ซึ่งแตกต่างอย่างเห็นได้ชัดจากกระแสความคิดทางปรัชญาและศิลปะแนวทางอื่นๆกก่อนหน้าอันมีโครงสร้างโดยรวมร่วมกันอย่างชัดเจน ทั้งนี้แนวทางการศึกษาลัทธิจินตนิยมและแนวทางศิลปะจึงจำเป็นต้องศึกษาแยกกันไปในแต่ละเขตวัฒนธรรม ตามสภาพแวดล้อมพื้นฐานของสังคมนั้นๆ
ในส่วนของประเทศสเปน แนวทางการสร้างงานในแนวทางจินตนิยมในดินแดนแห่งนี้นั้นมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวที่น่าสนใจหลายประการ โดยเฉพาะจิตรกรในแนวทางจินตนิยมที่มีชื่อเสียงที่สุด ฟรานซิสโก เด โกย่า ก็เป็นจิตรกรชาวสเปน ที่ซึ่งผลงานของเขาได้ส่งอิทธิพลอย่างมากต่อจิตรกรยุโรปหลายๆคนในยุคต่อมา การศึกษาถึงแนวทางการเคลื่อนไหวของลัทธิจินตนิยมในสเปนจะทำให้เราทราบถึงที่มาและลักษณะเฉพาะตัวอันโดดเด่นของศิลปะจินตนิยมแบบสเปน
สมมุติฐาน
การศึกษาถึงผลงานศิลปะ แนวคิด ประวัติศาสตร์ของประเทศสเปนและสุนทรียศาสตร์ในแนวทางจินตนิยมจะสามารถทำให้ทราบถึงปัจจัยในการก่อเกิดรูปแบบเฉพาะตัวและอัตลักษณ์ของจินตนิยมในประเทศสเปน
ขอบเขตการศึกษา
ศึกษาประวัติความเป็นมาของศิลปะในประเทศสเปน ลัทธิ แนวคิดทางสุนทรียศาสตร์และการสร้างงานในแนวทางจินตนิยม โดยพิจารณาสภาพสังคมของประเทศสเปนในยุคสมัยนั้นจากประวัติศาสตร์เพื่อเข้าใจพื้นฐานสังคมอันเป็นปัจจัยในการก่อเกิดการเคลื่อนไหวตามแนวทางจินตนิยม ประกอบกับศึกษาประวัติ ผลงาน ของศิลปินจินตนิยมชาวสเปนที่สำคัญ รวมถึงศึกษาและเปรียบเทียบแนวคิดและต้นกำเนิดของลัทธิจินตนิยมในประเทศยุโรปอื่นๆในเบื้องต้น
บรรณานุกรม
หนังสือภาษาไทย
ญาณินี [นามแฝง]. ผู้แปล, สเปน. กรุงเทพมหานคร : หน้าต่างสู่โลกกว้าง, 2547.
ธนู แก้วโอภาส. ประวัติศาสตร์ยุโรป. กรุงเทพมหานคร : สุขภาพใจ, 2549.
ธีรยุทธ บุญมี. โลก modern & post modern. กรุงเทพมหานคร : สายธาร, 2550.
วันรักษ์ มิ่งมณีนาคิน. สเปน ดินแดนแห่งอารยธรรมสองทวีป. กรุงเทพมหานคร : ผู้จัดการ, 2550
สถาพร ทิพยศักดิ์. วรรณคดีสเปน ร้อยแก้วและร้อยกรอง. กรุงเทพมหานคร : โครงการเผยแพร่ ผลงานวิชาการ คณะอักษรศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย, 2548.
กำจร สุนพงษ์ศรี. ประวัติศาสตร์ศิลปะตะวันตก 3. กรุงเทพมหานคร : สำนักพิมพ์แห่ง จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย, 2551.
หนังสือภาษาอังกฤษ
Brown, Jonathan. Images and Ideas in Seventeenth-Century Spanish Painting. New Jersey : Princeton University Press, 1978.
Lane, Allen. Romanticism. London : Penguin Books, 1979.
Mann, Richard G.. Spanish panitings of the fifteeth through nineteenth centuries. Washington : National Gallery of Art(U.S.), 1990.
Vaughan, William. Romantic Art. London : Thames and Hudson, Inc., 1978.
Wright, Patricia. Eyewitness art Goya. London : Dorling Kindersley, 1993.
ข้อมูลบนอินเทอร์เน็ต
Romanticism and music [Online], Accessed 30 July 2009. Available from http://en.wikipedia.org/wiki/Romanticism#Romanticism_and_music
Romanticism: Introduction [Online]. Accessed 1 August 2009. Available from http://www.spanisharts.com/history/del_neoclasic_romant/i_romanticismo.html
Spanish Romance Literature [Online], Acessed 30 July 2009. Available from http://en.wikipedia.org/wiki/Spanish_Romance_literature
Spanish Romantic Panorama [Online], Acessed 1 August 2009. Available from http://www.spanisharts.com/history/del_neoclasic_romant/i_panorama_espanol_roman.html
Google books [Online book resources]
Flitter, Derek. Spanish Romantic Literary Theory and Critism. Cambridge and New York : Cambridge University Press, 1991.
------------------------------------------------------------------------------------------------
วันจันทร์ที่ 3 สิงหาคม พ.ศ. 2552
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น